มาตึก 6 ครั้งแรก 2532

ตึก 6 สมัย พ.ศ. 2496

จริงๆ แล้วผมมาตึก 6 ครั้งแรกนั้น ไม่ใช่มาตอนหลังจากสอบติดแล้ว ผมมาตึก 6 ครั้งแรกน่าจะแถวๆ ต้นปี 2532 คือไปหาไอ้โอ๋ เพื่อนที่เรียน ม.6 มาด้วยกัน ตอนนั้นมันกำลังเรียนปี 3 ศิลปกรรม แบบ ค.บ.

ใครอ่านตรงนี้แล้วก็ต้องงง อ้าว เพื่อนมัธยมรุ่นเดียวกัน แต่ไหงมันเรียนปี 3 ไปแล้ว?

คำตอบคือ พอผมจบม.6 ผมก็ไปเรียนรามคำแหงซะ 2 ปีนะสิครับ คือเอาไว้เรียน ร.ด.ปี 3 ตอนอยู่ปี 1 ที่รามฯ (ผมเป็นรุ่นสุดท้ายที่การเรียน ร.ด. เริ่มเรียนตอน ม.5) พอเรียน ร.ด. จบแล้วก็เรียนรามฯ ต่ออีก 1 ปี รอไปสอบเข้าสถาบันศิลปะสักแห่งตามใจต้องการ ก็นั่นแหละครับ ไอ้โอ๋มันเรียนที่ ว.ค.พระนครมา 2 ปีแล้ว มันก็ชวนผมไปเรียนที่นั่นด้วย มันบอกว่ามาสิวะ เขามีแผนกนิเทศศิลป์ด้วย ผมก็ได้สติในทันที อ้าว กูก็นั่งรถเมล์ผ่าน ว.ค.พระนครบ่อยๆ เพื่อไปเรียนรามฯ ถือว่าตรงนี้ใกล้บ้านสุดๆ (ตอนนั้นบ้านผมอยู่แถวเซ็นทรัลแจ้งวัฒนะในปัจจุบันนี้)

ดังนั้นในปี 2532 ผมก็สอบเข้า ว.ค. ในทันที โดยเลือก นิเทศศิลป์ ว.ค.พระนครเป็นอันดับ 1 ...อันดับ 2 คือ นิเทศศิลป์ สวนดุสิต และ อันดับ 3 คือ การพิมพ์ สวนสุนันทา การเลือกอันดับแบบนี้ สร้างความงงให้กับคนรับสมัครมาก เพราะส่วนมากเขาจะเลือกสวนดุสิตเป็นอันดับ 1 เพราะถือว่าเป็น ว.ค.ที่ดีที่สุดในตอนนั้น แต่ผมดันเลือกพระนครเป็นอันดับ 1 ซะงั้น ...ก็คือว่านาทีนั้นขอใกล้บ้านไว้ก่อนละครับ เรื่องอื่นผมไม่สน อิอิ 😀

สิ่งที่ผมจำไม่ได้คือ ผมไปเหยียบ ว.ค.พระนคร ครั้งแรกนั้น ไปในวันไหนกันแน่ แต่น่าจะเป็นต้นปี 2532 นั่นแหละ คือพอไอ้โอ๋มันชวน ผมก็แวะไปหามันซะหน่อย ไปดูตึกเรียนไว้ก่อน (แหม่ ยังกะว่าจะสอบติด ฮ่าๆ) ซึ่งการไปว.ค.พระนครนั้น ถือว่าง่ายสำหรับผม เพราะจากบ้านผมก็ขึ้นรถสีเทาสาย 356 มาตามถนนแจ้งวัฒนะ ข้ามทางรถไฟผ่านแยกหลักสี่ (สมัยก่อนไม่ต้องไปกลับรถ คือเป็นสี่แยกไฟแดงกันเลย) พอผ่านแยกหลักสี่ก็จะมีสะพานข้ามคลอง ก็เตรียมลงได้ ก็คือลงหน้าจัสโก้ที่อยู่ตรงข้ามว.ค.พระนคร ตอนนั้นมีแค่ห้างจัสโก้ที่นั้นแหละครับ ที่เป็นสถานที่หรูหราสุด ณ ตอนนั้น

ลงรถเมล์แล้วก็ข้ามถนน แล้วเลือกเข้าประตูด้านซ้าย ตอนนั้นถนนหลักของว.ค.พระนครยังเป็นถนนโรยกรวดอยู่เลยครับ ตอนนั้นน่าจะเป็นเวลาเที่ยงวัน มีแดดร้อนพองาม ผมเดินแกรกๆ ตามถนนมาเรื่อยๆ ทางซ้ายเป็นคูน้ำและสนามบอล ทางขวาก็เป็นตึกเรียน พอเดินมาจนถึงโรงอาหาร ก็พอจะมองเห็นตึก 6 แล้ว ผมจำได้รำไรๆ ว่า ไอ้โอ๋มันบอกว่า ตึก 6 จะอยู่เลยโรงอาหารมา อะไรงั้น

ผมเดินจากโรงอาหารผ่านตึก 5 มีทางเดินสวยงามเชื่อมระหว่างตึก 5 กับตึก 6 ด้วย ...สองเท้าก้าวเขาใกล้ตึก 6 เข้าไปทุกที จนมองเห็นตึก 6 ได้เต็มตา ...ตึก 6 ในความทรงจำของผมตอนนั้น มันช่างขลังเสียเหลือเกิน ตึกอันเก่าแก่ กระเบื้องหลังคาแบบหลังเต่า ตามเรื่องราวที่เล่ามานั้น ตึกนี้สร้างขึ้นประมาณปี 2494 โดยตอนแรกเป็นอาคารหอพัก ไม่ใช่อาคารเรียน

 

นี่ละครับ หน้าตาของเหล่านักศึกษา นิเทศศิลป์ ปี 2532 สมัยนั้นยังไม่มีกล้องมือถือนะครับ ต้องใช้กล้องจริงๆ เท่านั้น อิอิ (ภาพจาก facebook เรารักตึก 6)

พอผมมาถึงทางขึ้นตึก 6 (ซึ่งหลังจากสอบติด จะมีการรับน้อง โดยจะห้ามปี 1 เดินขึ้นตรงทางขึ้นด้านหน้าเป็นเวลา 1 เดือน) ผมก็ถามไถ่คนแถวนั้นถึงไอ้โอ๋ สักพักก็มีคนไปตามไอ้โอ๋มาหาผม ผมก็ยืนยันกับไอ้โอ๋ว่า จะมาสอบอย่างเข้าอย่างแน่นอน จากนั้นก็นั่งชมบรรยากาศตึก 6 ไปจนยันบ่าย ไอ้โอ๋ก็ไปเรียน ส่วนผมก็กลับบ้าน ...โดยหารู้ไม่ว่า อีกไม่กี่เดือนก็จะต้องมาใช้ชีวิตที่นี่อีกหลายปีเลย

ขอกล่าวถึงไอ้โอ๋อีกหน่อย ในฐานะที่มันเป็นคนชวนผมมาเรียนที่นี่ ....ปัจจุบันไอ้โอ๋เป็น บ.ก. หรือเป็นเจ้าของหนังสือเกี่ยวกับรถ ถือว่ายังคงอยู่ในเส้นทางงานศิลปะ...อ่อ ถ้าใครอ่านแล้วยังสงสัยอีกว่า ไอ้โอ๋มันไม่ได้เรียนนิเทศศิลป์เหรอ? แล้วศิลปกรรม ค.บ. คืออะไร? คำตอบคือ สมัยก่อนนั้น วิทยาลัยครูจะมีแต่ศิลปกรรมครุศาสตร์นะสิครับ หรือเรียกย่อๆ ว่า ค.บ. โดนเน้นให้จบมาเป็นครูศิลปะ และที่เท่คือ ไอ้โอ๋คือ ศิลปกรรม ค.บ. รุ่นสุดท้ายซะด้วย ก็คือพอผมสอบติดเข้าไป พวก ค.บ. ก็อยู๋ปี 3 แล้ว แถมยังไม่มี ค.บ ปี 4 หรือปี 2 ปี 1 ด้วย คือมีแต่ปี 3 ลอยๆ...แปลกดีไหมครับ ....ในปัจจุบันนั้น สาขาวิชาศิลปศึกษา ครุศาสตร์ ก็ยังมีอยู่เป็นบางที่ เช่นที่ราชภัฏบ้านสมเด็จ

เพื่อความแน่ใจ ผมถามอีตาโอ๋อีกรอบในตอนกลางวันวันนี้ แกก็ตอบมาว่า ตอนแกเข้าไปเรียน ว.ค.พระนคร ค.บ. ปี 1 (2530) ก็ไม่มี ค.บ. ปีไหนให้เห็นเลย คือ รุ่นพี่ ค.บ. ปี 4 ก็จบไปแล้ว (อ้าว) ...นั่นก็เท่ากับว่า ในตอนนั้น เกิดการเว้นช่วงการรับพวก ค.บ. ไปถึง 4 ปี แล้วถึงจะมาเปิดรับรุ่นไอ้โอ๋ แถมรับเข้ามาเป็นรุ่นสุดท้ายอีกด้วย

ถ้าจะเอาแปลกกว่านั้นอีกก็คือ ตอนผมสอบเข้าปี 1 ออกแบบนิเทศศิลป์ ปี 2532 นั้น ...ยังมีการสอบเข้าปี 3 ด้วยนะครับ เพราะผมดันไปเจอเพื่อนจาก ม.6 รุ่นเดียวกับผมกับไอ้โอ๋นี่แหละ คือไอ้โอม ...มันเรียนที่สวนดุสิตได้ 2 ปี แล้วก็มาสอบเข้าที่พระนครเพื่อเรียนปี 3 และ ปี 4 เข้าใจว่าตอนสอบเข้าปี 1 นั้น เลือกเรียนแบบอนุปริญญา คือเรียนแค่ 2 ปี พอจบปี 2 ก็ต้องมาสอบเข้าปี 3 ต่ออีก ...ฟังแล้วยุ่งเหลือหลาย แต่ก็ทำให้ได้เพื่อนมัธยมมาร่วมคณะในฐานะรุ่นพี่ซะงั้น กลายเป็น 2 อ. เลย คือ โอ๋ กับ โอม

การสอบเข้าปี 3 นั้น ปีถัดมาก็ถูกยกเลิกไป คือรับแต่เรียนแบบ 4 ปี เท่านั้น ...ผมแอบได้ยินอาจารย์ท่านบ่นว่า มันยุ่งยากมากในการรับนักศึกษามาเรียนต่ออีก 2 ปี ไหนจะเรื่องสอบเข้า และเรื่องเทียบโอนหน่วยกิตอีก ก็เรียนมัน 4 ปีไปเลยจะง่ายกว่า 😀

Posted in เรื่องเล่าจากตึก 6.